โรคหญุติเพศที่ไม่มีผลตอบสนองต่ออาโตนิลีนในเด็กยังไม่มีการเพิ่มขึ้นในการรักษา ยังคงคิดว่าเมื่อมีเวนหญุติเพศที่อยู่นอกที่เป็นเหตุให้เกิดมะเร็งมากขึ้น จึงแนะนำให้ทำการทำหญุติเพศแก่ผู้ป่วย และใช้การรักษาด้วยเอสโทรเจนแทนที่ในวัยเยาว์ สำหรับผู้ป่วยที่มีหญุติเพศที่ไม่มีผลตอบสนองต่ออาโตนิลีนเพิ่มเติม (PAIS) ที่คาดการณ์ว่าจะสามารถเจริญสู่สภาพเพศเมฆเพศชายที่เท่าเทียม ยังคงคิดว่าควรรักษาเพศชาย และหากไม่เป็นที่เหมาะสมก็จะใช้วิธีรักษาเหมือนกับ CAIS มีรายงานว่าผู้ป่วย PAIS ที่ได้รับการรักษาด้วยยาต้านรับตัวรับเอสโทรเจนเทมอกซิฟีน (tamoxifen) ทำให้จำนวนเซลล์สเปลมาติสเพศชายเพิ่มขึ้นมาก และทำให้ภรรยาของเขาตั้งครรภ์ การเปลี่ยนแปลงนี้สามารถย้อนกลับได้ โดยเมื่อหยุดการรักษา จำนวนเซลล์สเปลมาติสเพศชายของผู้ป่วยจะลดลงอีกครั้ง.
เกี่ยวกับอายุที่ทำการเปลี่ยนแปลงหญุติเพศ ในอดีต คิดว่าผู้ป่วยที่มีโรคหญุติเพศที่ไม่มีผลตอบสนองต่ออาโตนิลีน (CAIS) ควรทำการทำหญุติเพศก่อนวัยเยาว์25อายุก่อน25ขึ้นอายุ การเกิดมะเร็งระบบเนื้อเยื่อรวมทั้งหมดมีโอกาสน้อย2%ถึง5% ในขณะที่ผู้ป่วย PAIS มีโอกาสเกิดมะเร็งน้อย11ตัวอย่างที่ไม่มีอาการเหมือนตัวระบุเซลล์มะเร็งของผู้ป่วย PAIS ทางคลีนิก ทำการวิจัยเนื้อเยื่อ พบว่า8ตัวอย่างแสดงระบุว่ามีตัวระบุเซลล์เมลาโนไซต์ภายในท่อเซลล์ ซึ่ง5ตัวอย่าง(ที่62.5%)อายุยังไม่ถึงวัยเยาว์ ตามนี้ นักวิจัยเชื่อว่าต้องปรับปรุงความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางที่ไม่ทำการเปลี่ยนแปลงหญุติเพศก่อนวัยเยาว์